Saran S. มีเว็บของตัวเองแล้วครับ !

ขณะนี้ผมได้เปิดเว็บของตัวเองแล้วครับ อาจจะไม่ได้เข้ามา Update ข้อมูลใน Blog นี้แล้ว โดยทุกท่านสามารถติดตามเว็บไซต์ใหม่ของผมได้ที่ www.saranslive.com

สวัสดีผู้ที่ "หลงทาง" เข้ามาทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ saranslive Blog ครับ ผมตั้งใจจัดทำ Blog นี้ขึ้น เพื่อนำความรู้จากเหตุการณ์ประทับใจ และประสบการณ์ที่ได้ไปพบเจอ หรือเป็นงานวิชาการที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้า มาแบ่งปันในมุมมองของผม ให้ผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลในเรื่องนั้นๆได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป อาจดูแล้ว "จับฉ่าย" ไปบ้าง แต่ผมหวังว่าความรู้เล็กๆที่เขียนไว้นี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถส่ง e-Mail มาได้ที่ saranslive@gmail.com ครับ

Saran S. - [on Blogger since October 2009]

Thursday, November 12, 2009

7 Layer on OSI Model

โครงสร้างของโมเดล OSI ทั้ง 7 ชั้น มีรายละเอียด ดังนี้

Application Layer - เป็นชั้นบนสุดของ OSI Model คำว่า Application ในที่นี้หมายถึง ข้อกำหนดหรือวิธีการที่แอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมหรือแม้แต่ตัวระบบปฏิบัติการ จะใช้ติดต่อสั่งการหรือขอใช้บริการต่างๆ

Presentation Layer - เป็นชั้นที่ว่าด้วยการจัดรูปแบบที่รับมาจาก Session Layer ให้อยู่ในรูปแบบที่ Application แต่ละตัวจะสามารถเข้าใจได้ โดยจะช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการต่างๆชนิดกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังให้บริการถอดหรือเข้ารหัสข้อมูลบางประเภทอีกด้วย

Session Layer - เป็นชั้นที่ว่าด้วยการจับคู่หรือเชื่อมโยง Application ที่อยู่ต่างเครื่องกัน เพื่อให้สามารถแยกแยะได้ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้น ควรเป็นของ Application คู่ไหน ทำให้เราสามารถเรียกใช้โปรแกรมในการสื่อสารพร้อมกันได้หลายๆตัว เช่น เราสามารถเปิดโปรแกรม Brownser พร้อมๆกันกับการอ่านโปรแกรม e-Mail เป็นต้น

Transport Layer - เป็นชั้นที่ว่าด้วยการแบ่งข้อมูลที่รับมาจาก Session Layer ซึ่งโดยมากจะมีขนาดใหญ่ให้เป็นแพ็คเก็ตขนาดคงที่ ก่อนจะส่งต่อให้ชั้น Network Layer ส่วนในแง่ของการรับข้อมูลนั้น ก็จะทำหน้าที่ประกอบแพ็คเก็ตให้กลับมาเป็นข้อมูลดังเดิม นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดจากการจัดลำดับความเร่งด่วนของแพ็คเก็ตและควบคุมความเร็วในการรับส่งแพ็คเก็ตอีกด้วย

Network Layer - เป็นชั้นที่ว่าด้วยการกำหนดหมายเลขประจำเครื่อง เพื่อใช้อ้างอิงหรือแยกแยะความแตกต่างของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละตัวในระบบเครือข่าย โดยหมายเลขเครื่องดังกล่าวนี้จะจับคู่กับหมายเลข MAC Address ที่ใช้อ้างอิงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในชั้นของ Data Link และยังรับผิดชชอบการกำหนดเส้นทางของการลำเลียง Packet อีกด้วย

Data Link Layer หรือ DLL - เป็นชั้นที่ว่าด้วยการควบคุมการรับส่งข้อมูลโดยผ่านสื่อประเภทต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับ Protocal หรือชนิดของเครือข่ายที่ใช้

Physical Layer - เป็นชั้นล่างสุดที่ว่าด้วยการติดต่อระหว่าง Hardware และการกำหนดลักษณะทางกายภาพของสื่อต่างๆที่ใช้ในการรับส่งข้อมูล เช่น การใช้สายสัญญาณหรือ Connecter แบบไหน เป็นต้น นอกจากนี้ยังทำหน้าที่รับข้อมูลที่ส่งต่อมาจากชั้น Data Link เพื่อส่งออกไปยังระบบเครือข่าย โดยข้อมูลที่มาจากชั้นของ Data Link นั้นจะถูกมองเป็นรูปแบบที่เป็นบิตเรียงกัน ไปในลักษณะ 0 หรือ 1 ที่เรียกว่า Binary Notation ก่อนที่จะแปลงสัญญาณไฟฟ้าที่แทนค่า Binary ออกสู่ระบบเครือข่าย