Saran S. มีเว็บของตัวเองแล้วครับ !

ขณะนี้ผมได้เปิดเว็บของตัวเองแล้วครับ อาจจะไม่ได้เข้ามา Update ข้อมูลใน Blog นี้แล้ว โดยทุกท่านสามารถติดตามเว็บไซต์ใหม่ของผมได้ที่ www.saranslive.com

สวัสดีผู้ที่ "หลงทาง" เข้ามาทุกท่าน ยินดีต้อนรับเข้าสู่ saranslive Blog ครับ ผมตั้งใจจัดทำ Blog นี้ขึ้น เพื่อนำความรู้จากเหตุการณ์ประทับใจ และประสบการณ์ที่ได้ไปพบเจอ หรือเป็นงานวิชาการที่ได้ทำการศึกษาค้นคว้า มาแบ่งปันในมุมมองของผม ให้ผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลในเรื่องนั้นๆได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป อาจดูแล้ว "จับฉ่าย" ไปบ้าง แต่ผมหวังว่าความรู้เล็กๆที่เขียนไว้นี้ จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านบ้างไม่มากก็น้อย และหากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถส่ง e-Mail มาได้ที่ saranslive@gmail.com ครับ

Saran S. - [on Blogger since October 2009]

Friday, January 15, 2010

Bloom's Taxonomy Revised !

Bloom's Taxonamy (1956) เป็นแนวคิดการแบ่งประเภทของการเรียนรู้ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเป็นการแบ่งประเภทของการเรียนรู้ในลักษณะการเรียนรู้ทางปัญญา (Cognitive Domain) ออกเป็น 6 ขั้น ได้แก่
1.) ความรู้ (Knowledge)
2.) ความเข้าใจ (Comprehension)
3.) การนำไปใช้ (Application)
4.) การวิเคราะห์ (Analysis)
5.) การสังเคราะห์ (Synthesis)
6.) การประเมิน (Evaluation)

โดยมีรายละเอียดดัง Presentation ต่อไปนี้


Bloom's Taxonamy Revised ! (2001) เกิดจากการปรับปรุงแนวคิดการแบ่งประเภทการเรียนรู้แบบดั้งเดิมโดยนักการศึกษา 2 ท่านได้แก่ Anderson และ Krathwohl ซึ่งได้ปรับปรุงวัตถุประสงค์ให้พิจารณาเป็น 2 มิติ คือ พิจารณาลักษณะของความรู้ และพิจารณาการเรียนรู้ทางปัญญา 6 ขั้น

การพิจารณาการเรียนรู้ทางปัญญา 6 ขั้น (Cognitive Domain)

* สิ่งที่แตกต่างระหว่างแนวคิดของ Bloom(1956) กับแนวคิดของ Anderson และ Krathwohl(2001) คือ
1.) การเพิ่มมิติด้านลักษณะความรู้เพื่อช่วยให้การกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
2.) การปรับรูปแบบคำที่ใช้จากคำนามเป็นคำกิริยา
3.) ขั้นที่ 1 เปลี่ยนจากคำว่า "ความรู้" เป็น "การจำ" , ขั้นที่ 5 เปลี่ยนจาก "สังเคราะห์" เป็น "ประเมิน" และ ขั้นที่ 6 เปลี่ยนจาก "ประเมิน" เป็น "สร้างสรรค์"

โดยสามารถเปรียบเทียบได้ดังภาพต่อไปนี้

การพิจารณาลักษณะของความรู้ (Knowledge Dimension)
** Anderson และ Krathwohl (2001) ได้แบ่งออกเป็น 4 แบบ ได้แก่
1.) ความรู้เกี่ยวกับความเป็นจริง (Factual knowledge)
หมายถึง ความรู้ในสิ่งที่เป็นจริงอยู่ เช่น ความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ และความรู้ในสิ่งเฉพาะต่างๆ
2.) ความรู้ในเชิงมโนทัศน์ (Conceptual knowledge)
หมายถึง ความรู้ที่มีความซับซ้อน มีการจัดหมวดหมู่เป็นกลุ่มของความรู้ และโครงสร้างของความรู้
3.) ความรู้ในเชิงวิธีการ (Procedural knowledge)
หมายถึง ความรู้ว่าสิ่งนั้นๆทำได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงความรู้ที่เป็นทักษะ เทคนิค และวิธีการ
4.) ความรู้เชิงอภิปริชาญ (Metacognitive knowledge)
หมายถึง ความรู้เกี่ยวกับเรื่องทางปัญญาของผู้เรียนเอง คือความรู้ที่ผู้เรียนจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวางแผนและการแก้ปัญหา ไปจนถึงการประเมิน


อ้างอิงข้อมูลจาก http://coe.sdsu.edu และ http://www.jstor.org

Monday, December 28, 2009

Social Networking ?

เรื่องของ Social Network นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ แต่เป็นเรื่องที่แทรกซึมเข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของเราทีละน้อยแบบไม่รู้ตัวมานานแล้ว เว็บไซต์ที่เราใช้งานเกือบทุกเว็บได้ผันตัวเองจากผู้ให้บริการข้อมูล มาเป็นผู้ให้บริการระบบที่เปิดโอกาสให้สมาชิกได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตข้อมูลด้วยตัวเอง (generated content) จนกระทั่งเป็น Social Network Site สมบูรณ์แบบในที่สุด จากข้อมูลเบื้องต้นผมได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ Social Network มาให้ได้ศึกษากันครับ

Social Network Service คือ บริการเครือข่ายสังคม Online บน Website ที่เปิดให้ผู้คนหลากหลายเข้ามาใช้บริการร่วมกัน ให้กลุ่มคนเหล่านั้นสามารถทำความรู้จัก แลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเชื่อมโยงข้อมูลกิจกรรมความสนใจในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยในบริการสังคม Online นั้นมักจะประกอบไปด้วย การส่งข้อความ-ภาพ-เสียง-วิดีโอ เป็นต้น

Presentation ของ Commoncraft อธิบายถึงกระบวนการและแนวคิดของ Social Networking ทำให้เราได้เห็นประโยชน์ของระบบสังคม Online มากมาย โดยระบบสังคม Online อาจถูกนำไปใช้ได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา, ด้านมนุษย์วิทยา, ด้านการตลาด หรือแม้กระทั่งการเมืองการปกครอง

เว็บไซต์สังคม Online อาจแบ่งตามรูปแบบการใช้งานได้ ดังนี้
1.) Indentity Network สำหรับการเผยแพร่ตัวตน ได้แก่ myspace - www.myspace.com , facebook - www.facebook.com , Hi5 - www.hi5.com, Twitter - www.twitter.com
2.) Creative Network สำหรับเผยแพร่ผลงาน ได้แก่ YouTube - www.youtube.com , flickr - www.flickr.com , multiply - www.multiply.com , Blogger - www.blogger.com
3.) Interested Network สำหรับกลุ่มคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ได้แก่ digg.com , del.icio.us - http://delicious.com
4.) Collaboration Network สำหรับการทำงานร่วมกัน ได้แก่ Wikipedia - http://th.wikipedia.org
5.) Gaming and Virtual Reality ได้แก่ เกมส์ online ประเภทต่างๆ เช่น Ragnarok , WarCraft

บทสรุป : Social Network เป็นรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ที่ลบขีดจำกัดทางด้านเวลา ระยะทาง และงบประมาณฯ จึงได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว ซึ่งในประโยชน์ที่มีมากมายนั้น ก็มีโทษแฝงอยู่มากมายเช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ Social Network ใดก็ตาม ควรทำการศึกษาสภาพแวดล้อมและกลุ่มประชากรของสังคม Online นั้นๆให้ดีก่อน และใช้วิจารณญาณในการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับอย่างถี่ถ้วน

Tuesday, December 22, 2009

Virtual Classroom

จาก Class ของ ผศ.ดร.ศิริรัตน์ เพ็ชร์แสงศรี ได้สั่งให้จัดทำ Presentation เรื่อง ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) ผมจึงได้ทำการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาทำสรุปให้ได้อ่านกัน เผื่อท่านใดสนจะได้นำไปใช้ประโยชน์ครับ ...

ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom) หมายถึง การเรียนการสอนผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์โดยใช้ช่องทางของระบบการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตเข้าไปเรียนในเว็บไซต์ ที่ออกแบบกระบวนการเรียนการสอนให้มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับเรียนในห้องเรียนแบบปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอนและผู้เรียนกับผู้เรียน โดยมีบรรยากาศเสมือนพบกันจริง กระบวนการเรียนการสอนจึงไม่ใช่การเดินทางไปเรียนในห้องเรียนแต่เป็นการเข้าถึงข้อมูลเนื้อหาของบทเรียนได้โดยผ่านคอมพิวเตอร์

ห้องเรียนเสมือน เป็นการจัดสิ่งแวดล้อมในความว่างเปล่า (space) โดยอาศัยศักยภาพของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เป็นการจัดประสบการณ์เสมือนจริงแก่ผู้เรียน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสนับสนุน อื่น ๆ ที่จะช่วยทำให้การมีปฏิสัมพันธ์แบบเผชิญหน้า ซึ่งบางโอกาสอาจจะเป็นไปไม่ได้หรือเป็นไปได้ยากนั้น สามารถกระทำได้เสมือนบรรยากาศการพบกันจริง ๆ

กระบวนการทั้งหมดดังที่กล่าวมานี้ มิใช่เป็นการเดินทางไปที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย แต่จะเป็นการเข้าถึงด้านการพิมพ์ การอ่านข้อความ หรือข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟแวร์ เพื่อควบคุมการสร้างบรรยากาศแบบห้องเรียนเสมือน การมีส่วนร่วมจะเป็นแบบภาวะต่างเวลา ซึ่งทำให้มีผู้เรียน ในระบบห้องเรียนเสมือนสามารถเชื่อมต่อเข้าไปศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา

ทำไมต้องมี Virtual classroom ?
1. แก้ปัญหาจากการมีข้อจำกัดด้านสถานที่
2. ลดปัญหาจากการเรียนรู้ที่จำกัดเฉพาะกับครูกับผู้เรียน
3. เพิ่มเวลาการเรียนการสอนที่มีไม่เพียงพอ
4. เพิ่มโอกาสในการเรียนการสอน
5. ช่วยแก้ไขสัดส่วนของครูและนักเรียนที่ไม่เหมาะสม

การจัดการเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือน นับเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ช่วยลดข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ ทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้ตามความพอใจ ตามความพร้อมทั้งทางด้านเวลา สถานที่และความสามารถทางสติปัญญา การเรียนการสอนแบบห้องเรียนเสมือนนี้สามารถจัดได้ทั้งแบบการศึกษาในโรงเรียน นอกโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย ส่งผลให้คนส่วนใหญ่สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต

ขอบคุณข้อมูลหลายที่มาบนโลก Internet ครับ

Friday, December 18, 2009

Twitter !

Twitter เป็นเครือข่ายสังคม Online ที่จัดอยู่ในประเภทไมโครบล๊อก (Micro Blogging) ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนสื่อสารด้วยข้อความสั้นๆ เรียกว่าการ Tweet โดยในการ Tweet 1 ครั้ง สามารถส่งข้อความเป็นตัวอักษรได้ไม่เกินครั้งละ 140 ตัวอักษร และข้อความที่ถูกส่งจะถูกดึงไปแสดงในหน้าเว็บเพจของผู้โพสต์และผู้ที่ติดตามเป็นสมาชิก หรือที่เรียกว่า Followers

ความสามารถของ Twitter !
  • สามารถใช้ส่งข้อความข่าวสารสั้นๆ เพื่อหาพ้องเพื่อนและติดตามว่าเค้าเหล่านั้นทำอะไรอยู่
  • สามารถได้เพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้น หรืออาจพบเจอเพื่อนเก่าๆที่ขาดการติดต่อหรือไม่ได้เจอกันมานาน
  • สามารถใช้แสดงความคิดเห็นในเรื่องราวที่เกิดขึ้น หรือที่เราสนใจกับเพื่อนสมาชิก
  • สามารถใช้เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
  • สามารถใช้ในการปลุกกระแสทางการเมือง 555+
Twitter เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2006 โดยบริษัท Obvious Corporation พัฒนาขึ้นโดย 3 Programmer คือ Jack Dorsey, Biz Stone และ Evan Williams

Twitter ถูกพัฒนาขึ้นด้วย Ruby on Rails จนถึงปี 2008 จึงได้เปลี่ยนมาใช้เป็นภาษา Scala บนแพลตฟอร์ม JAVA

Twitter ได้รับความนิยมสูงมากในปี 2009 จนกระทั่งนิตยสาร Time ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำ

Twitter ขึ้นปกเป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่าง Twitter

Monday, December 07, 2009

King Bhumibol

หลังจากหายไปหลายวันเนื่องจากติดตาม อ.เสวี เดินทางไปจัดกิจกรรมสัมมนาพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้กับสำนักงานสภาทนายความ ณ จังหวัดระยอง ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ตรงกับ "วันพ่อ 5 ธันวา" พอดี จึงทำให้วันพ่อในปีนี้ผมต้องกลับมาอยู่กับคุณพ่อช้าไป 1 วัน แต่ก็ทำให้ปีนี้ผมได้มีโอกาสจุดเทียนชัยถวายพระพรริมชายหาดร่วมกับพี่น้องสภาทนายความเกือบ 100 ชีวิต ทำให้ได้บรรยากาศดีๆไปอีกแบบครับ ในขณะที่ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีนั้น ก็ฉุกคิดสงสัยว่าพระนามของในหลวงของเรามีที่มาที่ไปอย่างไร พอกลับมาถึงกรุงเทพฯจึงได้ทำการสืบค้นข้อมูลมาเล่าต่อให้ได้ทราบกันครับ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จขึ้นครองราชย์ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 จนถึงปัจจุบัน ทรงพระสถานะเป็นประมุขแห่งรัฐตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระชนมชีพอยู่และทรงอยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก และเสวยราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยด้วยเช่นกัน

พระองค์ทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า "สมเด็จพระภัทรมหาราช" ซึ่งมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐยิ่ง" ต่อมาได้มีการถวายพระราชสมัญญาใหม่ว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช" เมื่อ พ.ศ. 2539 และ "พระภูมิพลมหาราช" อนุโลมตามธรรมเนียมเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า "พระปิยมหาราช" อนึ่ง ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์ว่า "ในหลวง" คำดังกล่าวคาดว่าย่อมาจาก "ใน (พระบรมมหาราชวัง) หลวง" บ้างก็ว่าเพี้ยนมาจากคำว่า "นายหลวง" ซึ่งแปลว่าเจ้านายผู้เป็นใหญ่

พระนาม "ภูมิพลอดุลเดช" นั้น พระบรมราชชนนีได้รับพระราชทานทางโทรเลขจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2470 โดยทรงกำกับตัวสะกดเป็นอักษรโรมันว่า "Bhumibala Aduladeja" ซึ่งในระยะแรกสะกดเป็นภาษาไทยว่า "ภูมิพลอดุลเดช" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเองทรงเขียนว่า "ภูมิพลอดุลยเดช" โดยทรงเขียนทั้งสองแบบสลับกันไป จนมาทรงนิยมใช้แบบหลังซึ่งมีตัว "ย" สะกดตราบปัจจุบัน

ทั้งนี้ เดิมที ด้วยเหตุที่ได้รับตัวโรมันว่า "Bhumibala" สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงทรงเข้าพระทัยว่า ได้รับพระราชทานนามพระโอรสว่า "ภูมิบาล" ต่อมาจึงเปลี่ยนการสะกดเป็น "Bhumibol"

ข้อมูลจาก Wiki : th.wikipedia.org/wiki/KingBhumibol